Saturday, April 18, 2015

รัฐธรรมนูญวิบัติ "หายนะกำลังคืบคลานเข้าหาประเทศไทย"

การที่จัดให้มีการ Debate เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในสนช. และ สปช. โดยตัวคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ มีสถานภาพ ที่ขัดต่อธรรมนูญโลก (International Bill of Rights) หายนะกำลังคืบคลานเข้าหาประเทศไทย
๑. ในวันที่ ๒๐ – ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะได้จัดให้มีการปาฐก หรือ ชำแหละร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับ (ปีพ.ศ........) ในสภาปฏิรูปฯ และจะนำเข้าไปถกกันต่อในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญนี้ ออกมาบังคับใช้ ผู้เขียนเห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างมาโดยคนหยิบมือเดียว และเป็นผู้ที่รู้บ้าง และไม่รู้บ้างทางกฏหมายในประเภทนี้ ซ้ำยังถูกหลอกโดยนักวิชาการในประเภท “เสือกสู่ร้” โดยคิดว่าตัวมันมีความรู้ดีทางรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อนำมาชำแหละด้วยความรู้ที่รู้แท้แล้ว ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ไม่ต่างจากรัฐธรรมนูญตัดแปะ ที่เคยทำมาแล้ว กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพ.ศ. ๒๕๔๐ เท่าใดนัก
๒. ด้วยความเป็นห่วงในสถานการณ์ของบ้านเมือง ที่เสื่อมทรุดลงเรื่อยๆ ไม่มีหนทางที่จะทำให้ดีไปกว่านี้ได้ หากพวก “เสือกสู่รู้” ทั้งหลายเหล่านี้ ยังคงเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น และเลียมือเลียเท้า ผู้ที่คิดว่า มีอำนาจจัดการบริหารในบ้านเมืองอยู่ แบบคนตาบอดมืดมิดทั้งสองข้าง แล้วหลงว่า “ตัวเองมีอำนาจโดยแท้จริง” ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ตัวเองไม่มีอำนาจโดยชอบอย่างใดๆเลยตามกฏหมาย (There is no de jure per se as the Executive, Legislative or even Judiciary in itself to perform as “Government by Law”)
๓. ท่านผู้อ่านคงจะจดจำกันได้ว่า เมื่อประมาณสอง ถึงสามสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการจัดประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ จัดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ ที่ประเทศญี่ปุ่น “ท่านผู้นำ” อุตส่าห์ดั้นด้นไปขอเข้าร่วมประชุมกับเขา (ทั้งๆที่เขามิได้เชิญ) แล้วเลขาธิการแห่งสหประชาชาติ ด้วยความเป็นห่วงในสถานการณ์ของประเทศไทย ได้กล่าวเตือน “ท่านผู้นำ” ว่า “ท่านกำลังทำการร่างรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางแม่น้ำทั้งห้าสายของท่าน ผมก็กำลังร่างรัฐธรรมนูญสำหรับประเทศไทย ตามแนวทางของผม แล้วเรานำมาเปรียบเทียบกัน ถ้าของสหประชาชาติดีกว่า ก็จะใช้ฉบับของสหประชาชาติ” ที่เขาเตือนมาอย่างนี้ “ท่านผู้นำ” น่าจะทำใจได้ และเฉลียวใจแล้วว่า “อะไร? จะเกิดกับประเทศไทยต่อไป” ท่านต้องแปลสัญญาณที่ส่งออกมาจากเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติให้ได้ ต้องไม่ดื้อรั้น และหักหาญจะทำอะไร?ต่อไปตามอำภอน้ำใจท่าน ทั้งนี้ก็เพราะถ้าท่านไม่ทราบ ผมก็จะแจ้งให้ท่านได้ทราบว่า สถานภาพของตัวท่านเอง และคณะทั้งหมดที่ท่านตั้งมากับมือท่านนั้น โลกเขาเรียกท่านว่า “Junta” แปลว่า “ผู้จับกุมเอาอำนาจรัฐไปใช้ โดยมิชอบ” ที่เขากล้าหาญชาญชัยที่จะเรียกท่านว่ามีสถานภาพอย่างนั้น เพราะการยึดอำนาจในประเทศไทยในวันนี้ เป็นการ คอร์รัปชั่นอยู่ในตัวเอง [Corruption per se] ปรากฏตาม (สนธิสัญญา) Convention Against Corruption, 2003 ที่ประเทศไทยไปประกาศขอเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้ กับ นานาชาติ และสหประชาชาติในวันที่ ๑ มีนาคม ปีค.ศ.๒๐๑๑ หรือ ปีพ.ศ.๒๕๕๔
๔. เมื่อประเทศไทย ได้ไปประกาศเข้าร่วมใน Convention Against Corruption, 2003 แล้ว ประเทศไทย มีหน้าที่ตามสนธิสัญญาฉบับนี้ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาหลายฝ่าย (the Multilateral Treaty) ที่ต้องงดเว้น (งดเว้น = กระทำการ) ไม่กระทำการใดๆต่อไปอันเป็น:
๔.๑ กระทำการ หรือ งดเว้นกระทำการ อันเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และเสียหาย แก่เจตนารมณ์โดยแท้จริงของสนธิสัญญา {ให้ไปนำคำวินิจฉัยของศาลสถิตย์ยุติธรรมสังคมประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หรือ the European Court of Justice ในคดี Costa v. E.N.E.L. มาศึกษาโดยเปรียบเทียบกับ คดีที่พิพากษาในข้อกฏหมายของศาลสถิตย์ยุติธรรมระหว่างประเทศ (the Permanent Court of International Justice, PCIJ) หรือ ศาลโลกเดิม ในคดีที่ชื่อว่า “the Greco – Bulgarian Communities Case” ที่พิพากษาอาไว้ในปีค.ศ. 1930}
๔.๒ ใช้การกระทำฝ่ายเดียวของตน (การร่างรัฐธรรมนูญในแบบที่เป็นอยู่นี้ต่อไป และนำไปประกาศบังคับใช้) หรือที่เรียกว่า Unilateral Action เพื่ออาศัยเป็นช่องทางในการขยายถ้อยคำ หรือเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในสนธิสัญญาให้หย่อนลง
๔.๓ ไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการขวางกั้นไม่ให้สนธิสัญญา (Convention Against Corruption, 2003) มีผลบังคับในลักษณะที่เป็นกฏหมายภายในของรัฐคู่ภาคีสนธิสัญญา โดยปราศจากความยินยอมของรัฐคู่ภาคีสนธิสัญญาฉบับนั้นๆทุกฝ่าย
(มีต่อ)