กระทบ คนส่วนใหญ่
มีผู้รู้วิเคราะห์ให้ฟังว่า ปัญหาของสายการบินใหญ่ที่ประสบภาวะด้านรายได้นั้น มาจากหลายเหตุปัจจัย แต่หนึ่งในนั้น เกิดจากพฤติกรรมของพนักงานบางกลุ่มในองค์กร ที่ถลำลึกในวังวนความขัดแย้งทางการเมือง โดยเอาภาพรวมของทั้งสายการบินเข้าไปพัวพัน
อีกทั้งยังนำเอาอคติการเมืองอันสุดโต่งเข้ามาปะปนกับอาชีพการงานจนเละ
ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาของคนกลุ่มเดียวในสายการบิน ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ยังมีความเป็นมืออาชีพอยู่อย่างเต็มเปี่ยม!!
แต่เพราะคนกลุ่มเดียวนั้น นำเอาอคติการเมืองมาใช้ในหน้าที่การงานอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง
จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการโดยรวม
ไม่มั่นใจว่าจู่ๆ ชื่อตัวเองและผู้โดยสารอื่นๆ จะถูกแพร่ทั่วในโซเชี่ยลหรือไม่
จะมีใครเกลียดชังลูกหลานนักการเมืองแล้วเอากาแฟมาเที่ยวไล่สาดหรือเปล่า
กระเป๋าผู้โดยสารที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะ จะมีภาพออกมาแพร่ไปทั่วไหม
เหล่านี้คือการกระทำของคนไม่กี่คน ที่โดนแกนนำม็อบสะกดจิตจนหมดสิ้นการแยกแยะและไม่รักษาความเป็นมืออาชีพ
หัวใจของงานนี้คือการบริการ แต่ที่คนไม่กี่คนทำไปด้วยอารมณ์ทางการเมืองนั้น กระทบต่อภาพรวมไปหมด!
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ยังหวังว่าอารมณ์อันร้อนรุ่มจะเริ่มเย็นลง เริ่มมีสติ ไม่มีใครนำมาปะปนกับหน้าที่การงานอีก
ภาพรวมของความเชื่อมั่นจะได้กลับคืนมา ปัญหาทางธุรกิจจะคลี่คลาย อันเป็นประโยชน์ต่อพนักงานทั้งองค์กร
แต่มาเกิดกรณีอีกสายการบินไม่กี่วันก่อน ทำให้เริ่มสงสัยว่า อคติทางการเมืองยังไม่จางหายกันไปอีกหรือ
ยังดีที่ผู้บริหารสายการบินเร่งคลี่คลายปัญหา ก็ดันมีนักเคลื่อนไหวขวาจัดหลุดโลกโดดเข้ามาผสมโรงอีก
จนน่าเป็นห่วงว่าเดี๋ยวเรื่องจะไม่จบ จะเดือดร้อนกันไปทั้งองค์กร
จะว่าไปแล้วความคิดความเชื่อทางการเมืองมีกันได้ทุกคน คิดต่างกันได้อย่างอิสระ
แต่ต้องมีสติ อย่าปล่อยให้ใครมาครอบงำสะกดจิตจนหน้ามืดตามัว!
อย่างที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวต่อต้านบางรัฐบาล ก็ย่อมทำได้ เพียงแต่สถานการณ์รวมยังไม่ทันสุกงอม ก็เชื่อกันไปแล้วว่าจะต้องเหมือน 14 ตุลา 2516 อะไรแบบนั้น
คราวนี้เลยถลำลึกกันไปไกล
สุดท้ายการต่อสู้ทั้งหมดลงเอย เป็นแค่การปูทางเพื่อให้ประชาธิปไตยถูกปิดซ่อม ทุกอย่างถอยหลัง
แต่ที่สำคัญต้องสรุปบทเรียน จุดยืนทางการเมืองของตนเองมีได้ แต่ต้องไม่เอามาทุบหม้อข้าวตัวเอง
ไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่ของทั้งองค์กรที่เป็นมืออาชีพ!
อาสาหาข่าว
18/6/59